สภาการสื่อฯ ถกร่างแนวปฏิบัติการเสนอข่าวฆ่าตัวตาย ส่ง กก. จริยธรรมพิจารณาอีกครั้ง

สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นร่างแนวปฏิบัติการเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย เสนอส่งให้กรรมการจริยธรรมพิจารณาอีกครั้ง พร้อมรับหลักการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสภาการพยาบาล และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เรื่องการสนับสนุนงานด้านสุขภาพและส่งเสริมงานวิชาการ ขณะที่อนุกรรมการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนากิจการสื่อและอนุกรรมการฝ่ายวิชาการ จับมือ สสส. พัฒนาโครงการตามแนวคิด “สื่อเป็นโรงเรียนของสังคม”

น.ส. นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ เลขาธิการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ครั้งที่ 10/2564 ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ (Zoom Meeting) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เวลา 13.00 น. ว่า มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาร่างแนวปฏิบัติการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย ที่คณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภคสื่อ ยกร่างเสนอ ก่อนผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรสมาชิก และผู้เกี่ยวข้อง กรมสุขภาพจิต ราชวิทยาลัยจิตแพทย์ฯ สมาคมสะมาริตัน รวมถึงนักวิชาการด้านจิตวิทยา และนักวิชาการสื่อสารมวลชน

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการเสนอรายละเอียดของวิธีการฆ่าตัวตาย สถานที่เกิดเหตุจดหมายหรือข้อความลาตาย รวมทั้งการนำเสนออย่างซ้ำๆ เช่น คลิปภาพ ว่าควรจะให้ใช้พึงระมัดระวัง หรือจะห้ามนำเสนอเด็ดขาด ซึ่งมีการให้ความเห็นหลากหลาย ที่ประชุมจึงเสนอให้ส่งกลับไปให้คณะกรรมการจริยธรรม พิจารณาอีกครั้ง เพื่อความครบถ้วนและคำนึงถึงการนำไปใช้ปฏิบัติด้วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติรับหลักการให้สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เรื่องการสนับสนุนงานด้านสุขภาพและส่งเสริมงานวิชาการ ระหว่างสภาการพยาบาลและราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนการบริการด้านสุขภาพแก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

น.ส. นิภาวรรณ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามให้บันทึกข้อตกลงดังกล่าว พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนากิจการสื่อ ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จัดทำโครงการ “สื่อเป็นโรงเรียนของสังคม” เพื่อเป็นการให้ความรู้และพัฒนาการทำงานของสื่อมวลชนในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น