จดหมายเปิดผนึกต่อสื่อมวลชน เรื่อง การใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวเยาวชนที่ถูกพรากไปโดยไม่มีเหตุอันควร

จดหมายเปิดผนึกต่อสื่อมวลชน

เรื่อง การใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวเยาวชนที่ถูกพรากไปโดยไม่มีเหตุอันควร

ตามที่สื่อมวลชนหลายแขนงทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าว ได้นำเสนอข่าวบิดาของนักเรียนวัย 14 ปี แจ้งความต่อกองบังคับการกองปราบปรามกรณีเรื่องบุตรสาวหายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2561 จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามพบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่พร้อมกับชายวัยกลางคนที่อ้างว่าเป็นบิดาของเพื่อนนักเรียนนั้น และถูกแจ้งข้อกล่าวหาพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร ซึ่งบัดนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากการนำเสนอข่าวคนหายไปจนเป็นข่าวคดีอาชญากรรมแล้วนั้น

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอเตือนมายังองค์กรสมาชิก และสื่อมวลชนอื่นๆ ให้ใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าว โดยยุติการเปิดเผยแพร่ภาพข่าว รูปพรรณสัณฐาน แหล่งที่อยู่และสถานศึกษาของเยาวชนที่ตกเป็นข่าว และแก้ไขข้อมูลการเผยแพร่ภาพและเนื้อหาข่าวที่ยังคงสามารถสืบค้นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้สามารถทราบถึงอัตลักษณ์ของผู้ตกเป็นข่าว ซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายจากการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายในคดีอาญาที่ได้รับการคุ้มครองห้ามมิให้ผู้ใดหรือสื่อมวลชนโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครองที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก ตามที่บัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เพราะการเปิดเผยข้อมูลของเด็กหรือผู้ปกครองผ่านสื่อมวลชน จะทำให้โอกาสกลับคืนสู่สังคมของเด็กได้รับการกระทบกระเทือน แม้จะมีความพยายามปิดบังอำพรางใบหน้า แต่การนำเสนอข้อมูลข่าวโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่จะทำให้ข้อมูลเด็กและครอบครัวถูกเปิดเผยอันจะส่งผลเสียหายต่อไปอีกยาวนานโดยเฉพาะการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอความร่วมมือมายังองค์กรสมาชิก และสื่อมวลชนอื่นให้ใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวดังกล่าว โดยยุติการเผยแพร่ภาพข่าว รูปพรรณสัณฐาน แหล่งที่อยู่และสถานศึกษาของเด็กและครอบครัวที่ตกเป็นข่าว รวมถึงยุติการขุดคุ้ยเรื่องราวที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจเด็ก และผู้เกี่ยวข้องในระยะยาว นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือใช้วิจารณญาณในการแก้ไขข้อมูลการเผยแพร่ภาพและเนื้อหาข่าวที่ยังคงสามารถสืบค้นย้อนหลังในระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพ และเพื่อให้เด็กและครอบครัวที่ตกเป็นข่าวได้กลับคืนสู่สังคมอย่างปกติสุขโดยเร็ว

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
11 มกราคม 2562