คณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภคสื่อเตือนสื่อเสนอข่าวโควิดระวังละเมิด

คณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภคสื่อเตือนสื่อเสนอข่าวโควิดระวังละเมิด

คณะทำงานคุ่มครองผู้บริโภคสื่อ ประชุมนัดสุดท้าย สรุปงานส่งมอบคณะทำงานชุดใหม่ พิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีการเสนอข่าวโควิด เตือนสื่อนำเสนอข่าวที่มีความละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวังละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ตกเป็นข่าว

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภคสื่อ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานฯ นัดสุดท้ายก่อนหมดวาระ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 ว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ของเชื่อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยที่ประชุมฯ ได้พิจารณาข่าวที่มีผู้ร้องเรียนว่ามีการพาดหัวข่าวเกินกว่าข้อเท็จจริงในเนื้อข่าว

ทั้งนี้ เนื่องจากมีสื่อออนไลน์ลของสมาชิกหลายสำนักมีการนำเสนอข่าว กรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดย สื่อได้พาดหัวข่าวว่า พ่อติดเชื้อจากลูก ที่เดินทางไปเยี่ยมพ่อในช่วงปีใหม่ ขณะที่เนื้อหาของข่าวกลับไม่ปรากฏว่าลูกป่วยเป็นโควิด ดังนั้นที่ประชุมคณะทำงานจึงมมีมติให้แจ้งกลับไปยังสื่อที่นำเสนอข่าวดังกล่าวเพื่อขอให้แก้ไขคำพาดหัวข่าวใหม่ให้ตรงตามข้อเท็จจริง  

น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า จากการนำเสนอข่าวดังกล่าว จึงขอเตือนสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสโคววิด-19 ว่า เนื่องจากการกล่าวถึงผู้ติดเชื้อ หรือบุคคลรอบข้างถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจกระทบต่อความรู้สึกของบุคคลที่ตกเป็นข่าว จึงขอให้มีความระมัดระวังและตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถูกต้องก่อนการนำเสนอข่าว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพาดหัวข่าว จะต้องไม่เกินกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในเนื้อหาข่าว   

ดังนั้นจึงขอฝากประเด็นจริยธรรมให้คณะทำงานชุดใหม่ใช้กำหนดกรอบการทำงานของสื่อใน 3 ประเด็น คือ จริยธรรม​ในการเสนอข่าวเกี่ยวกับ​โรคระบาด ต้องตรวจสอบ​ข้อมูลให้ถูกต้อง​ ไม่ตีตรา ไม่ละเมิดสิทธิ​ 2. จริยธรรมใน​การเสนอข่าวการเมืองบนฐานข้อเท็จจริง​ รอบด้าน เป็น​ธรรม ไม่ผลิต​ซ้ำความเกลียด​ชัง และ 3. จริยธรรมใน​การไม่โฆษณา​ข้อมูล​สินค้า​เกินจริงกระทบสิทธิ​ผู้บริโภค

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้สรุปการทำงานของคณะทำงานที่ผ่านมาตลอดวาระ 3 ปี ว่าได้พิจารณาหยิบยกเรื่องร้องเรียนมากกว่า 10 เรื่อง ได้จัดเวทีเสวนา ในเรื่องต่างๆ ในประเด็นการเสนอข่าวที่กระทบต่อประชาชน มากกว่า 20 ครั้ง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ซึ่งเชื่อมั่นว่าการดำเนินการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะเป็นแนวทางในการวางกรอบการทำงานของสื่อให้มีประสิทธิภาพ ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและจริยธรรมสื่อ